วันสารทไทย อุทิศบุญให้ญาติผู้ล่วงลับ ปี ๒๕๕๖
สารทไทย
ความหมาย
สารทเป็นการทำบุญกลางปีของไทย ตรงกับวันสิ้นเดือน ๑๐ หรือวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ซึ่งเป็นฤดูที่พืชพันธุ์ธัญชาติและผลไม้สุก ข้าวและต้นผลไม้ที่ปลูกไว้กำลังให้ผลเป็นครั้งแรกในฤดูนี้
ความเป็นมา
สารทเป็นนักขัตฤกษ์ ถือเป็นประเพณีนิยมมาแต่โบราณว่า เทศกาลทำบุญสิ้นเดือน ๑๐ คือวัน เวลา เดือนและปีที่ผ่านพ้นไปกึ่งปี และโดยที่มนุษยชาติดำรงอยู่ได้ด้วยเกษตรกรรมเป็นหลักสำคัญ เมื่อถึงกึ่งปี เป็นฤดูกาลที่ข้าวออกรวงเป็นน้ำนม จึงได้มีกรรมวิธีปรุงแต่งที่เรียกว่ากวนข้าวทิพย์ หรือ ข้าวปายาส ข้าวยาคูและขนมชนิดหนึ่งเรียกว่า กระยาสารท แล้วประกอบการบำเพ็ญกุศลถวายพระสงฆ์ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ข้าวในนา ทั้งอุทิศส่วนกุศลให้บรรพชนผู้มีพระคุณและแจกสมนาคุณญาติมิตรตามคติที่ชาวไทยเป็นพุทธศาสนิกชน แม้จะเป็นประเพณีที่มีส่วนมาจากลัทธิพราหมณ์ ชาวไทย ก็นิยมรับ เพราะเป็นประเพณีในส่วนที่มีคุณธรรมอันดีพึงยึดถือปฏิบัติ
พิธีสารท นอกจากเป็นประเพณีของชนชาวไทยทั่วไปแล้ว ในส่วนของพระมหากษัตริย์ที่เรียกว่าพิธีของหลวงนั้นในสมัยสุโขทัย มีในตำนานนางนพมาศว่า
" ...ราชบุรุษชาวพนักงานตกแต่งโรงพิธีในพระราชนิเวศน์ ตั้งก้อนเส้าเตาเพลิงแลสัมภาระเครื่องใช้เบ็ดเสร็จ นายนักการระหารหลวง ก็เก็บเกี่ยวครรภสาลีและรวงข้าวมาตากตำเป็นข้าวเม่า ข้าวตอก ส่งต่อมณเฑียรวังเวรเครื่อง นายพระโคก็รีดน้ำขีรารสมาส่งดุจเดียวกัน
ครั้งได้ฤกษ์ รับสั่งให้จ่าชาวเวรเครื่องทั้งมวลตกแต่งปรุงมธุปายาส ปรุงปนระดมเจือล้วนแต่โอชารส มีขัณฑสกร น้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำตาล นมสด เป็นต้น ใส่ลงในภาชนะซึ่งตั้งบนเตาเพลิงจึงให้สาวสำอาง กวนมธุปายาสโดยสังเขป ชาวดุริยางค์ดนตรีก็ประโคมพิณพาทย์ ฆ้อง กลอง เล่นการมหรสพ ระเบงระบำล้วนแต่นารี แล้วพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยราชบริพารนำข้าวปายาส ไปถวายพระมหาเถรานุเถระ"
ถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ก็ได้สืบประเพณีพระราชพิธีสารท มาจัดทำ เช่น ในรัชกาลที่ ๑ มีพระราชพิธีสารทกวนข้าวทิพย์ รัชกาลต่อมา ได้ทำบ้างงดบ้างจนถึงปีพุทธศักราช ๒๔๗๐ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗ โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีสารทขึ้น
ซึ่งในปีนี้ทางวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ได้กำหนดจัดงานวันสารทไทยขึ้น ตรงกับวันศุกร์ที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๖ (แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐) เรียกว่า วันทำบุญอุทิศเปตพลี “วันสารทไทย” มีกำหนดการดังนี้
เวลา ๐๙.๓๐ น. มีพระธรรมเทศนากัณฑ์อุโบสถ ๑ กัณฑ์
เวลา ๐๙.๔๐ น. อัญเชิญชื่อของบรรพบุรุษตั้งเหนือเครื่องสักการะ
เวลา ๑๐.๐๐ น. พระสงฆ์สวดติโรกุฑฑสูตรอุทิศเปตพลี
เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์และสามเณร ณ ศาลาการเปรียญ
เวลา ๑๓.๓๐ น. มีพระธรรมเทศนาปุจฉาวิสัชนา ๒ ธรรมาสน์ เรื่อง “อานิสงส์แห่งบุญเปตพลี”
ณ ศาลาการเปรียญ
เวลา ๑๕.๐๐ น. พระภิกษุสามเณร สวดมาติกาบังสุกุล
จึงขอเชิญท่านพุทธศาสนิกชน ได้ร่วมทำบุญในวันเวลาดังกล่าว
หมายเหตุ : - ท่านที่มีจิตศรัทธาจะบริจาคจตุปัจจัยพร้อมทั้งเสื้อผ้าชายหญิงทั้งเก่าและใหม่
โปรดนำมามอบให้ทางวัดเพื่อแจกเป็นทานแก่ผู้ยากไร้ต่อไป
- โทร. ๐๒ – ๔๖๖ - ๑๖๙๓, ๐๒ - ๔๖๕ – ๒๗๖๖
ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม1 : Download? (284 kb)
ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม2 : Download? (284 kb)
ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม3 : Download? (284 kb)
ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม4 : Download? (284 kb)
ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม5 : Download? (284 kb)
เขียนเมื่อ
23 กันยายน พ.ศ. 2556 | อ่าน
10005
เขียนโดย
วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร
|