พิพิธภัณฑ์พระ ประยูรภัณฑาคาร หรือ พรินทรปริยัติธรรมศาลา
เริ่มต้นเมื่อเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) ได้สร้างศาลาต่อมุขพระบรมธาตุมหาเจดีย์ขึ้น เพื่อเป็นที่ศึกษาพระปริยัติธรรมของพระภิกษุสามเณร เมื่อ พ.ศ.๒๔๒๘ อุทิศแด่ท่านลูกอินผู้มารดาและสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ ผู้บิดา เมื่อครั้งมารดามีอายุ ๖๑ ปี จารึกนามศาลานั้นว่า "พรินทรปริยัติธรรมศาลา" ปัจจุบันยังมีจารึกอยู่ที่ประตูทางเข้าภายในศาลา เป็นโคลง ๔ บท โคลงบทแรกว่าดังนี้
• พรินทร์ต้นต่อสร้อย สมญา
ปริยัติธรรมศาลา เพิ่มพร้อง
คือเป็นที่ศึกษา ส่วนพุทธพจน์แฮ
ภิกษุสามเณรซร้อง ทั่วหน้ามาเรียน
ต่อมา พ.ศ.๒๔๕๙ กระทรวงธรรมการ (ปัจจุบันคือกระทรวงศึกษาธิการ) ได้ใช้หอพรินทรปริยัติธรรมศาลาเป็นห้องอ่านหนังสือสำหรับประชาชนในวัด เป็นแห่งแรก อยู่ในการกำกับดูแลของโรงเรียนหนังสือไทย สำนักวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร
หอพรินทรปริยัติธรรมศาลาจึงเป็นห้องสมุดประชาชนแห่งแรกในประเทศไทย กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนอาคารหลังนี้เป็นศิลปโบราณสถานวัตถุของชาติ เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๒
วันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ ตามความตั้งใจแรกของท่านเจ้าอาวาสคือ ศาสตราจารย์ ดร. พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) ปัจจุบันดำรงสมณศักดิ์ที่ "พระพรหมบัณฑิต" ท่านต้องการนำพระบรมสารีริกธาตุที่ได้อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกาเพื่อประดิษฐานไว้ส่วนบนของพระบรมธาตุมหาเจดีย์ ทำให้พบกรุที่ ๑ ซึ่งภายในกรุมีพระพุทธรูปโบราณถึง ๒๗๐ องค์ อีกทั้งยังพบพระบรมสารีริกธาตุองค์ดั้งเดิมที่มีทองคำหุ้มอยู่ แล้วใส่ไว้ในภาชนะที่เรียกว่า “อูบ” ใกล้กันนั้นมีกระดานชนวนเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับฤกษ์ยามและคำทำนายการค้นพบกรุนี้ เมื่อถอดความออกมาใจความตอนหนึ่งบอกว่า “พระสมุห์ปุ่น ดวงฤกษ์พระธรรมประจุพระเจดีย์...พระพุทธศาสนา ๒๔๕๐ เป็นส่วนอดีต ๒๕๔๙ เป็นส่วนอนาคต ขอให้เป็นปัจจัยแด่พระวิริยาธิกโพธิญาณในอนาคตกาลเทอญฯ”
อีกสองวันต่อมา ได้พบกรุที่ ๒ ซึ่งบรรจุพระเครื่องเป็นจำนวนมาก โดยพระเครื่องจะอยู่ในบาตร ภายในบาตรพบแผ่นทองขนาดเท่าฝ่ามือ ๓ แผ่น ทุกแผ่นมีจารึกภาษาไทยข้อความเดียวกันว่า “วันพุธที่ ๑ มีนาคม ๒๕๐๔ ตรงกับ "วันมาฆบูชา" เพ็ญกลางเดือน ๔ ได้ทำการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระเจดีย์นี้พร้อมด้วยพระเครื่อง ๒๕ พุทธศตวรรษและพระเครื่องประเภทต่างๆ” ซึ่งพระเครื่องในกรุนี้มีนับพันองค์
ภายหลังจากค้นพบพระบรมสารีริธาตุองค์เดิมและวัตถุโบราณ ท่านเจ้าอาวาสได้อัญเชิญลงมา แล้วเททองเป็นรูปเจดีย์ทองคำ น้ำหนักกิโลกับสองขีด แล้วนำพระบรมสารีริกธาตุบรรจุ แล้วอัญเชิญประดิษฐานที่เดิม ส่วนพระบรมสารีริกฐาตุของประเทศศรีลังกาได้ตั้งไว้ในห้องพิพิธภัณฑ์ พร้อมกับพระพุทธรูปและพระเครื่องในกรุที่ ๑ และกรุที่ ๒ ท่านให้จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ในห้องตรงฐานพระเจดีย์แล้วให้ชื่อว่า "พิพิธภัณฑ์พระ ประยูรภัณฑาคาร"
นอกจากพระพุทธรูปโบราณและพระเครื่องภายในกรุแล้ว ในเวลาต่อมาได้มีญาติโยมนำพระพุทธรูปมาให้ทางวัดเก็บรักษาด้วย ซึ่งคิดเป็นหนึ่งในสามของทั้งหมด
ข้อมูลเพิ่มเติม
: วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เชิงสะพานพุทธฯ ถ.ประชาธิปก
เขตธนบุรี กรุงเทพฯ ๑๐๖๐๐
: สอบถาม ๐๒-๔๖๕-๕๕๙๒, ๐๘๑-๓๗๑-๔๖๕๐
: เปิดทุกวัน ๙.๐๐-๒๑.๐๐ น.
: ไม่เก็บค่าเข้าชม
: https://www.watprayoon.com