คณะสงฆ์ | มจร | วัดประยูรฯ | รางวัล | พระพรหมบัณฑิต
>>>พระพรหมบัณฑิต เข้ารับถวายรางวัล"เสาอโศกผู้นำศีลธรรม"
>>>พระพรหมบัณฑิต เข้ารับถวายกิตติคุณสัมพันธ์"สังข์เงิน"
มหาจุฬาฯ | พระพรหมบัณฑิต
>>>กราบทูลถวายรายงานแด่สมเด็จพระสังฆราช มจร วังน้อย
>>>กล่าวต้อนรับในพิธีเปิดประชุมทางวิชาการ วิสาขบูชา
>>>เปิดตัวหนังสือพระไตรปิฎกฉบับสากล มจร วังน้อย
>>>เปิดตัวหนังสือ"พระธรรมเทศนาในอเมริกา" ภาษาจีน
>>>ลงนามความร่วมมือในหนังสือบันทึกความเข้าใจ
>>>พิธีเปิดอาคารวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ
>>>กล่าวต้อนรับในการประชุมวิสาขโลก ที่ UN
>>>เฝ้ารับเสด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีฯ
>>>กล่าวขอบคุณและปิดการประชุมวิสาขบูชาโลก ที่ UN
>>>ประชุมติดตามการเตรียมงานวิสาขบูชาโลกที่ศรีลังกา
>>>กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดงานวิสาขบูชาโลกที่ศรีลังกา
>>>เปิดตัวหนังสือพระไตรปิฎกฉบับสากล (CBT) ที่ศรีลังกา
>>>นำคณะจากมหาจุฬาฯร่วมสวดมนต์ ที่ศรีลังกา
>>>พิธีฉลองวิสาขบูชาโลกและมอบพระไตรปิฎกฉบับแก่ประธานธิบดี
>>>นำคณะเข้าพบมหานายกะอัศคิริยะแห่งสยามนิกายของศรีลังกา
>>>พิธีทำบุญฉลอง ๑ ทศวรรษหลักสูตรการจัดการเชิงพุทธ
>>>พิธีถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์สหไมตรีราชมิตราภรณ์ ชั้นมหาสิริวัฒน์
>>>พุทธศาสตรบัณฑิตกับประเทศไทย ๔.๐ มจร วังน้อย
>>>พิธีประทานปริญญาบัตรเป็นวันแรก มจร วังน้อย
>>>พิธีประทานปริญญาบัตรเป็นวันที่สอง มจร วังน้อย
>>>บรรยายพระธรรมทูตสายต่างประเทศ รุ่นที่ ๒๓ ณ มจร วังน้อย
>>>บรรยายแผนยุทธศาสตร์สถาบันวิปัสสนาธุระ มหาจุฬาฯ
>>>เปิดการเสวนาครูพระสอนศีลธรรม ณ หอประชุม มวก.๔๘ พรรษา
>>>สัมมนาเรื่องกฎหมายใกล้สงฆ์ ณ หอประชุม มวก.๔๘ พรรษา
>>>๓๐ ปี มจร วิทยาเขตแพร่กับไทยแลนด์ ๔.๐
>>>รับมอบรถโดยสารปลดระวางจำนวน ๗๕ คัน จาก ขสมก.
>>>ฉลองครบรอบ ๒๐ ปี ฮ่องกงรวมกับประเทศจีน ณ ฮ่องกง
>>>เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ฉีเหมย เมืองไถ่หนาน ไต้หวัน
>>>พิธีฉลองปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาจิ้งเจี๋ยไต้หวัน
>>>ประชุมคณะกรรมการกำกับสถาบันสมทบไต้หวัน ณ วัดกวงเต๋อ
>>>เจริญพระพุทธมนต์ฉลองอายุวัฒนมงคล ๙๐ ปี พระธรรมาจารย์ชิงซิน
>>>นำผู้บริหาร คณาจารย์ และเจ้าหน้าที่ มจรสักการะพระมหาเถระ
>>>พิธีเปิดการศึกษาและพิธีทำสามีจิกรรมในเทศกาลเข้าพรรษา
>>>วันบุรพาจารย์และการจัดการความรู้ วังน้อย อยุธยา
>>>พิธีมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ป.พศ., ป.วน.
>>>พิธีเจริญพระพุทธมนต์เฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ ๑๐
>>>งาน '๕๖ ปี ครุศาสตร์ มหาจุฬาฯ รำลึก' มจร วังน้อย อยุธยา
>>>พิธีเจริญพระพุทธมนต์เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
>>>กล่าวเปิดการประชุมอบรมด้านกฏหมายสำหรับผู้บริหารมหาจุฬาฯ
>>>พิธีปฐมนิเทศนิสิตปริญญาเอก สาขาพุทธจิตวิทยา
>>>งานมหกรรมส่งเสริมศีลธรรมและการประกวดกิจกรรมพัฒนาฯ ปีที่ ๓
>>>การประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการการจัดทำแผนฯศูนย์อาเซียนศึกษา
>>>การประชุมสัมมนาทางวิชาการระดับบัณฑิตศึกษาทั่วประเทศ
>>>การประชุมวิพากษ์แผนพัฒนามหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ
>>>งานครบรอบวันสถาปนา ๑๓๐ ปี มหาจุฬาฯ
>>>งานวันก่อตั้งคณะพุทธศาสตร์ ครบ ๗๐ ปี
>>>เปิดการสัมมนา'Buddhism in Digital Era'
>>>๑ ทศวรรษโครงการพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน
>>>การประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน มจร
>>>พิธีบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันปิยมหาราชรำลึก มจร วังน้อย
วันจันทร์ที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๐.๐๐ น. พระพรหมบัณฑิต (ป.ธ.๙, ศ.,ดร.,ราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์, อัคคมหาบัณฑิต) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เจ้าคณะภาค ๒ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นประธานและกล่าวสัมโมทนียกถาในพิธีบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันปิยมหาราชรำลึก ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ผู้ทรงสถาปนามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ณ หอประชุม มวก. ๔๘ พรรษา มหาวชิราลงกรณ์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
คลิกไปที่ Facebook>>>"วันปิยมหาราชรำลึก"
อธิการบดี มจร เผยมหาจุฬาฯเติบโตด้วยศาสตร์พระราชา"ร.๕, ๙, ๑๐"
อธิการบดี มจร เผยมหาจุฬาฯเติบโตด้วยศาสตร์พระราชา "ร.๕, ๙, ๑๐" พระปิยมหาราชผู้สถาปนามหาจุฬาฯสถาบันการศึกษาบุคคลทุกชนชั้น ทรงพัฒนาส่วนที่ขาดเติมให้เต็ม "ในหลวง ร.๙" ทรงพัฒนา ด้วย "ที่เต็มให้รู้จักพอ" และ "ที่พอให้รู้จักแบ่งปัน" มารัชสมัย "ในหลวง ร.๑๐" คือ "แบ่งปันเป็นธรรมด้วยจิตอาสา"
วันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๐ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตปีที่ ๑๐๗ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ หรือวันปิยมหาราช ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา พระพรหมบัณฑิต,ศ.ดร. กรรมการมหาเถรสมาคม อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) กล่าวสัมโมทนียกถาในการบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลความว่า เรามาประชุมร่วมกันเพื่อบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายพระผู้สถาปนามหาจุฬาฯ คือ สมเด็จพระปิยมหาราช รัชกาลที่ ๕ ที่ทรงวางรากฐานการพัฒนาประเทศ ซึ่งการพัฒนาการศึกษาทรงวางรากฐาน เป็นจุดเริ่มต้นของมหาจุฬาฯ
มหาจุฬาฯเราเติบโตด้วยการทำหน้าที่บริการวิชาการบริการสังคมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของรัชกาลที่ ๕ ที่มีพระวิสัยทัศน์อันยาวไกลในการวางรากฐานการพัฒนาประเทศ ซึ่งจุดเปลี่ยนประเทศไทยคือ สมัยรัชกาลที่ ๕ จนถึงปัจจุบัน เราเรียกว่า "เป็นการพัฒนาที่ต่อเนื่องและมีความยั่งยืน" เราจะเห็นพัฒนาการมหาจุฬาเริ่มจากมหาธาตุวิทยาลัยจนมาจนถึงมหาจุฬาในระดับนานาชาติ เพราะการพัฒนาที่ยั่งยืน เราได้รับมหามหากรุณาธิคุณจากรัชกาลที่ ๕ และรัชกาลที่ ๙ อย่างยิ่ง สถาบันพระมหากษัตริย์ให้ความสำคัญด้านการศึกษาสงฆ์ตั้งแต่รัชกาลที่ ๕ มาถึงรัชกาลปัจจุบัน ทำให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงการพัฒนาในด้านอื่นๆ อะไรที่รัชกาลที่ ๕ ทรงเริ่มไว้ก็ได้รับสานต่อมาถึงปัจจุบัน ถือว่าเป็นคุณูปการอันยิ่งใหญ่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อประเทศชาติ การต่อเนื่องเป็นเรื่องสำคัญ ทำให้เราได้รับอานิสงส์มากมาย
รัชกาลที่ ๕ ทรงเริ่มการพัฒนา ด้วยคำว่า "อะไรขาดเติมให้เต็ม" สมัยพระองค์คนไม่มีสิทธิเท่าเทียมกันไม่มีความเสมอภาคกัน พระองค์ทรงเลิกทาสและส่งเสริมการศึกษาทาสให้สามารถพึ่งตนเองได้ ขาดความรู้ให้การศึกษา มิใช่จัดเฉพาะบ้านเมืองแต่ทรงให้คณะสงฆ์ช่วยจัดการศึกษา ด้วยการเปิดโรงเรียนทั่วประเทศในวัด ให้พระสงฆ์ช่วยสอนหนังสือลูกหลาน เป็นระบบการศึกษามีการเชื่อมบ้านวัดโรงเรียน และยังให้การศึกษาของคณะสงฆ์ด้วยการสถาปนามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ให้พระสงฆ์ได้ช่วยการศึกษาของบ้านเมือง ด้วยการแก้ความโง่ พัฒนาโครงการขั้นพื้นฐาน การจราจรการคมนาคม โครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้ประชาชนได้อยู่ดีกินดี แก้ความเจ็บไข้ด้วยสร้างระบบโรงพยาบาลสาธารณสุข โรงพยาบาลศิริราชก็สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ ๕ จะเห็นว่ารัชกาลที่ ๕ พระองค์ทรงวางรากฐานการพัฒนา แก้ความโง่ ความจน ความเจ็บ ด้วยการให้สิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ คือ การเลิกทาส เน้นการพัฒนาคนเป็นศูนย์การของการพัฒนา รัชกาลที่ ๙ ก็รับช่วงต่อสานต่อในการพัฒนาคน คนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา
เพื่อให้การพัฒนายั่งยืนรัชกาลที่ ๙ ทรงพัฒนาด้วยคำว่า "ที่เต็มให้รู้จักพอ" หมายถึง เศรษฐกิจพอเพียง มีความพอเพียง "ที่พอให้รู้จักแบ่งปัน" หมายถึง แบ่งปันมีการบริการ เช่นมหาจุฬาฯมีการบริการวิชาการทางสังคม และ "แบ่งปันให้ธรรม" หมายถึง มีการแบ่งปันกันอย่างเป็นธรรม สร้างความเป็นธรรมในสังคม ไม่แบ่งแยกว่าชาวเขาชาวเรา แก้ปัญหา "ไม่รวยกระจุก จนกระจาย" ให้ความร่ำรวยกระจาย รู้รักสามัคคี เพื่อให้สังคมไทยพัฒนาต่อเนื่อง สรุปรัชกาลที่ ๕ คือ ที่ขาดเติมให้เต็ม รัชกาลที่ ๙ คือ ที่เต็มให้รู้จักพอ และแบ่งปันเป็นธรรม ในสมัยรัชกาลที่ ๑๐ คือ แบ่งปันเป็นธรรมด้วยจิตอาสา แบ่งปันให้เป็นจิตอาสาโดยช่วยเหลือกัน ช่วยกันทุกกลุ่มไม่แบ่งแยก รู้รักสามัคคี ประพเทศเรามีกาพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สรุปการพัฒนาที่ยั่งยืน มี ๔ ประการ คือ "ที่ขาดควรเติมให้เต็ม ที่เต็มควรรู้จักพอเพียง ที่พอเพียงควรรู้แบ่งปัน ที่แบ่งปัน ควรแบ่งให้เป็นธรรมมีจิตอาสาด้วยการรู้รักสามัคคี"
"ในฐานะมหาจุฬาเป็นสถาบันการศึกษาจะต้องนำศาสตร์พระราชามาประยุกต์ใช้เพื่อขยายต่อให้สังคมไทยได้ตระหนักและนำมาปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง การจัดงานครั้งนี้ถือว่าเป็นการกตัญญูต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยความจงรักภักดีอย่างยิ่ง เรามีกิจกรรมตั้งแต่เช้า จึงขอเชิญชวนทุกท่านตั้งกัลยาณจิตน้อมถวายรัชกาลที่ ๕ องค์ผู้สถาปนามหาจุฬาและบุรพมหากษัตริย์ทุกพระองค์" อธิการบดีมหาจุฬาฯ กล่าว
พระอาจารย์ปราโมทย์ วาทโกวิโท นิสิตปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา มหาจุฬาฯ แสดงความเห็นว่า ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นนิสิตมหาจุฬาฯ ตั้งแต่ปริญญาตรีถึงปริญญาเอก มองว่ามหาจุฬาฯ เป็นสถานศึกษาวิชาชั้นสูงยกระดับจิตใจให้สูง เป็นสถาบันอันทรงเกียรติสถาปนาโดยสมเด็จพ่อพระปิยมหาราช เพื่อให้โอกาสพระสงฆ์และบุคคลทั่วไปได้ด้านศึกษาพระไตรปิฏกและวิชาชั้นสูง จึงเป็นสถาบันของบุคคลทุกชนชั้น ทุกวัฒนธรรมสามารถมาศึกษาได้ สถาบันการศึกษาอันทรงเกียรติและให้โอกาสบุคคลทุกชนชั้นที่ใฝ่เรียนรู้แสวงหาความรู้ทางธรรมและทางโลก ด้วยการพุทธบูรณาการศาสตร์สมัยใหม่ "ทางโลกก็ไม่ช้ำ ทางธรรมก็ไม่เสีย" จุดเด่นของมวลนิสิตมหาจุฬาฯ คือ "วิชายอด จรณะเยี่ยม เปี่ยมด้วยเมตตา ยื่นดวงตาแก่สังคม" เรียนเพื่อออกไปรับใช้เพื่อนมนุษย์ มีความสุขกับการเบิกบานรับใช้เพื่อนมนุษย์ ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของบุคคลที่จบจากมหาจุฬา ฯ คือ "พระพุทธศาสนาเพื่อสังคม : สังคหธุระ" ครูอาจารย์มหาจุฬาทุกรูปท่านจึงเป็นผู้ปั้นดินให้เป็นดาว ดาวที่เปล่งแสงให้บุคคลอื่น เหมือน "เหล็กกว่าจะเป็นมีดต้องผ่านการทุบการเจียระไน ม้ากว่าจะเป็นม้าอาชาไนยต้องผ่านการฝึกหนัก ช้างกว่าจะเป็นทรงของพระราชา ต้องค้นหาจากป่าใหญ่"
ศิษย์จึงเป็นเหมือนแก้วน้ำที่ว่างเปล่า พร้อมรับความรู้ใหม่ๆ ด้วยการ "ทำตัวให้โง่เพื่อจะได้เรียนรู้จากคนอื่นถึงแม้คนๆ นั้นจะอายุน้อย หรือประสบการณ์น้อยกว่าเราก็ตาม" เพราะคนโง่ที่รู้ตนเองว่าโง่ ยังจะพอเป็นคนฉลาดได้บ้าง รู้ว่าโง่สิ่งใดศึกษาสิ่งนั้น สิ่งที่จะตอบแทนคุณของครูอาจารย์ได้ที่สุด มิใช่การเอาสิ่งของมาให้ แต่คือ "การนำความรู้ที่ได้เล่าเรียน ออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และสังคมประเทศชาติโลก" เมื่อจบการศึกษารับปริญญา เรียกว่า "รับปริญญานอกสู่รับปริญญาในจากพระพุทธเจ้า" สิ่งที่ได้ศึกษาจากมหาจุฬาฯ เป็นปริญญาวิชาชีวิต เรียนธรรมะของพระพุทธเจ้าเพื่อพัฒนาชีวิตมีการบูรณาการศาสตร์สมัยใหม่ เพื่อทำให้ศาสนามีชีวิตชีวาในการเรียนรู้มากขึ้น ทำให้เราได้ปริญญาวิชาชีวิต เรียกว่า" พึ่งตนเองได้ จนเป็นที่พึ่งของคนอื่น" จัดการบริหารจิตใจของตนเอง ก่อนจะออกไปช่วยเหลือคนอื่น พระพุทธเจ้าจึงให้เรารับปริญญาภายใน ด้วยการดูแลจิตใจของตนเอง เพราะ "สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี" เมื่อไหร่ก็ตามถ้าภายในเย็น ถือว่าจบการศึกษาเรียบร้อย จบจากมหาจุฬา สิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องวัดความสำเร็จ ก็คือ "สงบเย็นเป็นประโยชน์" ถือว่าจบภายในอย่างแท้จริง แต่ถ้ายังร้อนอยู่ "เป็นผู้ทะเลาะสิบทิศ" ถือว่าจบแค่ภายนอกเท่านั้น
เมื่อเย็นจากภายในแล้วจึงสามารถ "อนุมัติเพื่อออกไปรับใช้เพื่อนมนุษย์" เรีบกว่า "เมื่อจบประโยชน์ตน นึกถึงประโยชน์คนอื่น" นี่คือเสน่ห์ของบัณฑิตมหาบัณฑิตดุษฎีบัณฑิตของมหาจุฬา อย่าพอใจในความสำเร็จเพียงแค่นี้ ต้องหมั่นฝึกฝนตนเอง อย่าเป็น " คนตกรุ่น " หมายถึงไม่เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมให้กับตนเอง ต้องรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมอยู่ตลอดเวลา เป้าหมายสำคัญสำคัญของนิสิตมหาจุฬา ฯ คือ "ความสุข" เราทำอะไรสำเร็จหรือล้มเหลว ถามหัวใจของตนเอง ถ้าทำแล้วมีความสุข นั่นคือสำเร็จ ถ้าทำแล้วจิตใจมันห่อเหี่ยว นั่นคือ ความล้มเหลว"
"ฉะนั้น สมเด็จพ่อพระปิยมหาราช มหาราชอันทรงเป็นที่รัก พระองค์ทรงพัฒนาทั้งทางโลกและทางธรรม ทางโลกพระองค์ทรงเลิกทาสด้วยความนุ่มนวล สร้างปฏิรูปพัฒนาประเทศให้มีเครื่องอำนวยความสะดวกมากมาย ส่วนทางธรรมทรงสถาปนาสถาบันการศึกษาเพื่อให้พระสงฆ์ศึกษาวิชาชั้นสูงและไตรปิฎก ซึ่งมหาจุฬาจึงทำตามปณิธานล้นเกล้าราชการที่ ๕ มาโดยตลอด ในนามนิสิตมหาจุฬาฯ ขอขอบพระคุณมหาจุฬาฯ สถาบันอันทรงเกียรติ ในการให้โอกาสมาพัฒนาฝึกฝนตนเองรวมถึงคณาจารย์ของมหาจุฬาฯในการพัฒนามวลศิษย์ให้เข้าถึงธรรม เพื่อน้อมนำมาพัฒนาตนเองและออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์" พระอาจารย์ปราโมทย์ กล่าว
นำเสนอข่าว : พระมหาผล วิเชฏฺฐสมโณ
ข้อมูลภาพ/ข่าว : PYMLNECMTR
คณะสงฆ์ | มจร | วัดประยูรฯ | รางวัล | พระพรหมบัณฑิต
>>>พระพรหมบัณฑิต เข้ารับถวายรางวัล"เสาอโศกผู้นำศีลธรรม"
>>>พระพรหมบัณฑิต เข้ารับถวายกิตติคุณสัมพันธ์"สังข์เงิน"
ข้อมูลอื่นๆ
>>>งาน"วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ๑๘๙ ปี"
>>>ขอเชิญเที่ยวงาน"สมโภช ๑๘๘ ปี วัดประยูรฯ"ปี ๒๕๕๙
>>>สมโภชพระอาราม ๑๘๘ ปี วัดประยูรฯ พ.ศ.๒๕๕๙
>>>๑๕ เมษายน"วันปีใหม่ วันเถลิงศก"วัดประยูรฯ ปี ๒๕๕๘
>>>ขอเชิญเที่ยวงาน'ประเพณีสงกรานต์ วัดประยูรฯ ๒๕๕๘
>>>WaterFestival ล่องเรือฟรี ๗ ท่าน้ำ วัดประยูร ฯ ๒๕๕๘
>>>เที่ยวงานเทศกาลสงกรานต์ วัดประยูรฯ ๒๕๕๘
>>>เที่ยวสงกรานต์ ๒๕๕๘ วัดประยุรวงศาวาส
>>>ขอเชิญเที่ยวงานฉลองวัด"ประยูรฯวัดรั้วเหล็ก"๑๘๗ ปี
>>>รวมภาพบรรยากาศ งานฉลองรางวัลยูเนสโก ๒๕๕๗
>>>เจดีย์วัดประยุรวงศาวาสฯ มรดกทางวัฒนธรรม
>>>เจดีย์มีแกนกลางแบบอยุธยาได้รับรางวัลที่ ๑ จากยูเนสโก
>>>"เจดีย์พระประธาน"วัดประยูรฯ ชนะเลิศอนุรักษ์
>>>'เจดีย์พระประธาน' วัดประยูรฯ ชนะเลิศจากยูเนสโก
>>>Award of Excellence
>>>วัดประยุรวงศาวาสฯ คว้ารางวัล "ยูเนสโก"
>>>"วัดประยุรวงศาวาส" ในสายตา UNESCO
>>>พระบรมธาตุมหาเจดีย์ วัดประยุรวงศาวาส
เขียนเมื่อ
23 ตุลาคม พ.ศ. 2560 | อ่าน
2561
เขียนโดย
วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร